About ME

Home » About ME

วิษุวัต จานุรัตน์อนันต์

เจ้าของเว็บ SEOBOOKS.ORG

การศึกษา

ย้อนกลับไปนิด ระหว่างเรียน ป. ตรี มีความสนใจเรื่อง internet และการเขียนโปรแกรมทำเว็บ อะไรเทือกนี้ เลยคิดการใหญ่คือคิดว่าถ้าเรามีความรู้อย่างเป็นระบบในสาขาที่สนใจแล้วมาทำงานอย่างที่ชอบได้ คงจะดีไม่น้อย คิดไปคิดมา คิดไกลไปถึงเมืองนอก (แอบเข้าข้างตัวเองว่าภาษาอังกฤษเราก็พอไหว เพราะเคยเรียน รร. ฝรั่งอย่าง อัสสัมชัญ ธนบุรี) ก็ใช้เวลาคิดอยู่ไม่นาน จึงลงมือวางแผนเรื่องต่างๆ อาทิ

  • ประเทศที่จะไป
  • ใช้เงินทุน พ.ก. (พ่อกู 555 ต้องขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ แต่ตอนนั้นคิดแบบนี้ จริงๆ ครับ) เท่าไร
  • เรียนภาษาที่ไหน กี่เดือนดี ถึงจะสอบเข้าเรียนต่อ ป. โท ได้
  • เรียน ป. โท ที่ไหน ใช้เวลาเท่าไร
  • ค่าสถานที่ศึกษา, ค่ากินอยู่
  • จิปาถะ…

คิดแล้ว หาข้อมูลแล้ว ก็ดำเนินการติดต่อโน่นนี่นั่น สรุปลงที่ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษก่อนที่เกาะเล็กตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย ชื่อ Tasmania ลงเรียนไป 5 เดือน ผ่านทดสอบภาษาเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ไปต่อ..

ต่อโทที่ด้านเขียนเว็บ (Master of Information Technology) มหาวิทยาลัย Griffith ตั้งอยู่ที่ Gold Coast, รัฐ Queensland

และก็ PHD Candidate (Course works done, only thesis left) – ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาวิชาการจัดการ ม.สยาม

ประสบการณ์ทำงาน

เรียนจบโท แล้วก็เตร็ดเตร่อยูแถวนั้นพักใหญ่ๆ ทำงานบ้าง เที่ยวบ้าน งานที่ทำในตอนนั้นใช้แรงงานล้วนๆ เช่น ทำงานในครัวบ้าง เป็นคนเสิร์ฟอาหารบ้าง ทำงานในสวนเก็บแตงโม เมลล่อน อะไรเทือกนี้ ตามเรื่องตามราว..

เผอิญว่าตอนนั้นปริญญาที่จบมาเป็นทักษะที่ขาดแคลนพอดี เลยสามารถสมัครอยู่และทำงาน (ที่ใช้สมองหน่อย) ที่นั่นได้ ก็เลยยื่นเรื่องไป สุดท้ายก็ได้ visa ที่เรียกว่า Permament Rescidency หรือ เรียกว่าสั้นๆ ว่า PR (ถ้านึกภาพไม่ออกว่าสิ่งนี้คืออะไร ก็ให้นึกเปรียบเทียบกับ Green Card ของอเมริกา นั่นแหละครับ คล้ายๆ กัน คือได้แล้วอยู่และทำงานได้ถาวร แบบถูกกฏหมาย)

ชีวิตอิสระด้วย Affiliate Marketing

โลโก้ - affiliate networks

พูดง่ายๆ คือ ขายของให้ชาวบ้าน กิน Commission แหละครับ ที่เลือกทำด้านนี้เหตุหลักเลยก็คือ มันอิสระดี มีโน้ตบุ้คคอมพิวเตอร์เครื่องนึง แล้วก็มีอินเตอร์เน็ต ทำได้ทุกที ทุกเวลา ส่วนค้าท้องถิ่นก็เริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆ จากการแนะนำกันมาปากต่อปาก…

กลับบ้านมาเป็นมนุษย์ไอทีเต็มตัว

หลังจากเตร็ดเตร่เมืองนอกอยู่พักนึงก็กลับบ้าน มีโอกาสได้ทำงาน ในตำแหน่งทั้งด้านเขียนเว็บและในส่วนของ Hardware ทำให้ได้เรียนรู้และเพิ่มพูนทักษะหลายด้านมากขึ้น อาทิ

  • Web programmers: สิ่งที่ใช้ในการทำงาน ประมาณนี้ HTML, CSS, ASP, ASP.NET, VB, C, C#, C++, Php, MySQL, Java, JavaScript เป็นต้น
  • System/Network Administrator: ติดตั้ง บริหารจัดการ LANs, Microsoft Servers, Routers เป็นต้น

ขณะที่ทำงานประจำนั้นอยู่ก็มิวายทำงานเสริมเพิ่มเติมเข้ามาด้วยการช่วยบริษัทห้างร้านทุกขนาดให้ขายของได้มากขึ้น ด้วยการ:

ดึงคนเข้าเว็บแบบต่างๆ

มีหลากหลายเทคนิกวิธีที่ใช้ในการหาคนมาเข้าเว็บ ทั้งนี้ก็ขึ้นกับความเหมาะสมครับ เช่นประเภทธุรกิจบางประเภทก็ไม่เหมาะกับการโปรโมทใน Social Media เป็นต้น อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องนำมาคิดคำนวณด้วยคือ งบของบริษัทนั้นๆ ด้านล่างเป็นตัวอย่าง ประเภท traffic ที่ใช้เป็นประจำ:

  • Search Engine Optimization (SEO) – ดึงคนเข้าเว็บแบบ Organic (ไม่ใช่การซื้อโฆษณา) จาก Search Engine เช่น Google เป็นต้น
  • Search Engine Marketing: Google Search, Google Display Network – GDN, Google Shopping (ช่องทางนี้เพิ่งถือกำเนิดเกิดมาในระยะหลัง)
  • Youtube Ads
  • Social Media: Facebook, Twitter เป็นต้น
  • Pop traffic อันนี้ ก็ลองนึกดูครับว่า เวลาเราไปเข้าเว็บใดๆ แล้วยังไม่ทันไรก็มี Popup เด่ง ดึ๋ง ดั๋ง ขึ้นมา สิ่งนี้เรียกว่า Pop Up หรือ Pop Traffic เป็น Traffic ที่คุณภาพต่ำหน่อย แต่ก็ราคาถูกเมื่อเทียบกับ Google Ads เหมาะกับ Offer หรือ ธุรกิจบางประเภทครับ

ปิดการขาย

ขอยกตัวอย่างสถิติที่น่าเศร้า (แต่จริง) ของเว็บขายของออนไลน์สักหน่อย ดังนี้ครับว่า.. ใน 100 คน ที่เราหามาความยากลำบาก ให้มาเข้าเว็บเนี่ย จะมีคนที่ตกลงปลงใจซื้อของในครั้งแรก ประมาณ 1%-2% เท่านั้น! หมายความว่าอีก 98-99 คน ที่จากไปจากเว็บคุณแล้วนั้น อาจเป็นการจากไปตลอดกาล ถาวร เป็นการเสียเงิน เสียทอง (โดยเฉพาะไอ้ 100 คน นี่ คุณต้องเสียเงินไปซื้อ/ลงโฆษณา เพื่อให้ได้มา) เสียเวลาชีวิต อย่างเปล่าประโยชน์ ดังนั้น มันก็มีวิธีการต่างๆ นานาๆ ครับที่ช่วยให้คุณปิดการขายได้เพิ่มขึ้น เช่น

  • Onsite Conversion Optimization
  • Follow Up ด้วย Email, Line, หรือ Chatbot
  • Remarketing Ads

เทคโนโลยีเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ ที่ได้กล่าวมาไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก เก่าไปใหม่มา แต่การพื้นฐานที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คือการส่งสารถึงคนตัวเป็นๆ อย่างคุณอย่างผม นี่แหละครับ 

การงาน ณ ปัจจุบัน

โลโก้ seobook

ก็ทำแบบนี้เรื่อยมา..

สิ่งที่ได้รู้ ได้ทำ ก็มากขึ้น บางทีก็หลงๆ ลืมๆ ไปบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และยังใช้ประโยชน์ได้
เลยคิดว่า แทนที่จะให้ความรู้เหล่านี้มัน Obsolete หรือ หายไป ล้าสมัย ไป เปล่าๆ ปรี้ๆ สู้เอามาแชร์ให้คนไทยได้อ่าน ได้ใช้ กันฟรีๆ ดีกว่า .. นี่ก็เป็นที่มาของการสร้างเว็บ Blog ที่ชื่อ SEO Books (http://seobooks.org/) ขึ้นมาครับ

เอาล่ะครับผมว่าทำความรู้จักกันคร่าวๆ เท่านี้ก่อนแล้วกัน ไว้วันหน้าถ้าต้องการรู้อะไรเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านี้ ทักแชทมาได้ครับผม

บทความแนะนำ

วางแผนคำนวณค่าใช้จ่ายการทำ seo
กลยุทธ์ทำ SEO

คำนวณค่าต้นทุน ค่าใช้จ่าย ด้วยเลข ป.6

การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จนั้น เริ่มต้นด้วยการเข้าใจหลักการทำงานของ Google จากนั้นคือวางแผนคิด คำนวณให้ได้ตัวเลขคร่าวๆ ที่คุณสามารถใช้เป็น KPI หรือตัวชี้วัดว่าโครงการณ์ SEO ที่คุณกำลังจะทำนั้น สำเร็จหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จต้องปรับปรุง ตรงไหน อย่างไร เครื่องทุ่นแรงที่ดีก็ต้องมี เพื่อข้อมูลในประกอบการตัดสินใจที่เที่ยงตรง และช่วยร่นระยะเวลาในการทำงานได้มาก

feature image - กรณีศึกษา seo อสังหาริมทรัพย์
(รีวิวตัวอย่างผลงาน)

ทำ SEO ดัน 40 คีย์เวิร์ด กลุ่มบ้าน/คอนโด ขึ้นหน้าแรก Google ใน 6 เดือน

ในฐานะบริษัทด้านการตลาดดิจิทัลที่เชี่ยวชาญด้าน SEO ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เราได้คอยติดตามการเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมนี้มาโดยตลอด พบว่าบริษัทจำนวนมากลงทุนซื้อโฆษณาใน Google หรือ Facebook เป็นจำนวนเงินมหาศาลในแต่ละเดือนเพื่อนำคนเข้าเว็บและเพิ่มโอกาสในการขาย โดยอาจจะยังไม่เข้าใจศักยภาพที่แท้จริงของการทำ SEO ว่าสามารถช่วยขยายธุรกิจในระยะยาวได้อย่างไร

ติดต่อ