กลยุทธ์ทำ SEO: คำนวณค่าต้นทุน ค่าใช้จ่าย ด้วยเลข ป.6
การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จนั้น เริ่มต้นด้วยการเข้าใจหลักการทำงานของ Google จากนั้นคือวางแผนคิด คำนวณให้ได้ตัวเลขคร่าวๆ ที่คุณสามารถใช้เป็น KPI หรือตัวชี้วัดว่าโครงการณ์ SEO ที่คุณกำลังจะทำนั้น สำเร็จหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จต้องปรับปรุง ตรงไหน อย่างไร เครื่องทุ่นแรงที่ดีก็ต้องมี เพื่อข้อมูลในประกอบการตัดสินใจที่เที่ยงตรง และช่วยร่นระยะเวลาในการทำงานได้มาก
เข้าใจการทำงานของ Google เข้าถึงหลักการทำ SEO
พวกเราใช้งาน Search Engine อย่าง Google หาอะไรต่อมิอะไร ทุกวันๆ ละหลายครั้ง เคยสงสัยไหมว่า Google เขาทำงานกันยังไง ในหน้าผลลัพธ์การค้นหา มีตั้งเป็นล้านๆ เว็บไซต์ เว็บที่อยู่ลำดับที่ 1, 2, 3 .. นี่มาได้ยังไง
วันนี้ผมรับอาสานำพาคุณไปทำความเข้าใจการทำงานของ Google ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนดังนี้
1. การทำงานในขั้นตอนแรกของ Google เรียกว่า การไต่ (Crawling)
Google จะส่งลูกน้องมือดี เป็น Software ชนิดหนึ่งที่เราเรียกว่า Spider (แมงมุมน้อยตัวนั้น) มาไต่เว็บไซต์คุณ และเว็บอื่นๆ ใน internet เพื่อเก็บข้อมูลที่จำเป็นแล้วส่งไปเก็บไว้ในฐานข้อมูล
เคยสงสัยไหมว่า “หน้าเพจในเว็บคุณที่ลบทิ้งไปแล้ว ทำไม ยังอยู่ใน search engine อีก?”…
ความถี่ (Frequency) ในการออกมาท่อง Internet ของ Spider แต่ละค่าย (เช่น Google, Yahoo, Bings เป็นต้น) ไม่เหมือนกัน บางเจ้าก็ออกมาไต่ช้า บางเจ้ามาเร็ว มาเว็บคุณไปครั้งนึง ก็ทิ้งช่วงเว้นวรรคสัก 2-3 วัน ก่อนที่จะแวะเวียนกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง
เพราะการทิ้งช่วงแบบนี้แหละ ทำให้การเปลี่ยนแปลงบนเว็บคุณอาจไม่ส่งผลสะท้อนแบบฉับพลันทันทีในฐานข้อมูล Google
2. ขั้นตอนต่อไปคือ Indexing
ในขั้นตอนนี้ Google จะพยายามทำความเข้าใจเว็บไซต์ที่ได้เก็บข้อมูลมาว่าเป็นเว็บประเภทไหน เกี่ยวกับอะไร มีการระบุ และกำหนดคำหลัก (Keyword) ให้ แล้วจัดทำดัชนีเพจ (Indexing) เก็บในฐานข้อมูล
3. คิดคำนวณ
โดยปกติจะมีมากกว่าหนึ่งเว็บเพจในฐานข้อมูล Google ที่มีเนื้อหาตรงกับคำค้นหา ดังนั้น เมื่อผู้ใช้ทำการค้นหาอะไรสักอย่าง Google จึงต้องคำนวณออกมาให้ได้ว่า หน้าไหนมีเนื้อหาที่ตรงใจ และตอบโจทย์ผู้ค้นหามากที่สุด
4. แสดงผลลัพธ์
เมือคำนวณเสร็จสรรพเรียบร้อย ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะถูกแสดงใน Search Engine Result Page (SERP) หรือ หน้าผลลัพธ์การค้นหา เว็บเพจที่ Google คิดว่าตรงกับคำค้นหามากที่สุด จะถูกวางไว้อันดับที่หนึ่ง SERP
“ผมแนะนำว่า ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของธุรกิจ การปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ถูกต้องตามหลักการทำ SEO ทั้งในส่วนของเนื้อหา และโครงสร้าง เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นการช่วยให้ Google ทำงานง่ายขึ้น (ในการตีความ จัดเก็บ คำนวณ และแสดงผล) และในท้ายที่สุด Google ก็จะกลับมาให้รางวัลด้วยการจัดอับดับเว็บคุณไว้ในตำแหน่งบนๆ ของหน้าแรก”
ดันคีย์เวิร์ดติดหน้า 1 แล้วจบไหม?
ฝรั่งเขาได้มีการศึกษาเรื่อยมาเป็นสิบปีแล้วว่า ในหน้าผลลัพธ์การค้นหา Google เว็บไซต์อันดับไหนมีโอกาสที่จะถูกคลิก (Click-Through Rate หรือ CTR) เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขในแต่ละสำนักอาจจะต่างกันบ้าง แต่สรุปโดยรวมมีแนวโน้มหรือ Trend ไปในทางเดียวกันคือ เว็บยิ่งติดอันดับสูง ยิ่งมีโอกาสถูกคลิกสูง เป็นเงาตามตัว เว็บอันดับต่ำ ลงมา CTR จะลดลงแบบก้าวกระโดด
ในรูปด้านบนแสดง CTR เทียบกับตำแหน่งของเว็บไซต์ในหน้าแรกของ Google จะเห็นว่าเว็บที่ติดอันดับต้นๆ อาทิ ดันดับ 1-3 มีโอกาสถูกคลิกอยู่ระหว่าง 18-31 กว่าเปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกัน เว็บอันดับที่ 6-10 มี CTR อยู่ที่ประมาณ 3-6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ดังนั้น ถ้าถามว่า “ดันคีย์เวิร์ดติดหน้า 1 แล้วจบไหม?” ตอบแบบนี้ครับว่า ผมอยากให้มองการติดหน้าแรก Google เป็นเพียงหลักชัยแรก ที่เป็นตัวชี้ว่าคุณมาถูกทางแล้ว และเป็นกำลังใจให้คุณเดินต่อไปสู่ Top5, Top3, อันดับที่ 1 ตามลำดับ ในฐานะเป็นหลักชัยสุดท้าย ที่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจของคุณได้จริง
ยกตัวอย่างร้านขายเสื้อ
เพื่อให้คุณเห็นภาพและทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นในบทนี้ ผมขอยกตัวอย่างเพื่อประกอบการอธิบาย ดังนี้ครับ
สมมุติว่าสถานการณ์ในปัจจุบันคุณเป็นแบบนี้ คุณทำธุรกิจ eCommerce เป็นเจ้าของร้านขายเสื้อยืดทั้งขายปลีก และขายส่งในอินเตอร์เน็ต ช่องทางหลักในการหาคนมาเข้าร้านคือ การยิงโฆษณาใน Facebook
แต่เนื่องจากคู่แข่งหน้าใหม่ๆ มีมากขึ้นทุกวัน คู่แข่งเดิมก็สู้ตาย ไม่มีถอย เศรษฐกิจก็ถดถอยทำให้ผู้คนกว่าจะควักกระเป๋าสตางค์ ซื้อหาอะไรที ก็คิดแล้วคิดอีก ปัจจัยทั้งหมดทั้งมวนนี้ ส่งผลทำให้ยอดตกลงเรื่อย ๆ (ถึงแม้คุณจะจ่ายค่าโฆษณามากขึ้นกว่าแต่ก่อน) คุณเลยมีแนวคิดที่จะหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคนเข้าเว็บ และช่องทางนั้นก็คือ การทำ SEO
สมมุติต่อไปอีกว่า…
- ราคาขายเฉลี่ยเสื้อยืด ร้านคุณอยู่ที่ 200 บาท
- ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าแรงตัดเสื้อ ฯลฯ ตัวละ 50 บาท
- คุณอยากได้ยอดขายเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 40,000 บาท กำไรอย่างน้อยครึ่งนึง หรือ 2 หมื่นบาท ต่อเดือน
ค่าใช้จ่ายในการทำ SEO ประมาณเท่าไร ถึงจะได้ยอดที่คุณตั้งเป้าไว้?
จากตัวอย่าง ค่าใช้จ่ายในการทำ SEO ต่อการขายเสื้อยืดหนึ่งตัว คำนวณได้จากการนำกำไร และค่าผลิต มาหักออกจากราคาขาย ดังนี้
คำนวณตามสมการด้านบนจะได้ค่าใช้จ่ายในการทำ SEO ของคุณออกมา คือ ไม่เกิน 50 บาท ในการขายเสื้อหนึ่งตัว หรือ ห้ามเกิน 10,000 บาท ในการขายเสื้อ 200 ตัว
ต้องมีคนเข้าเว็บคุณกี่คนต่อเดือน ถึงจะได้ยอดที่คุณตั้งเป้าไว้?
ในการคำนวณจำนวนคนเข้าเว็บ คุณต้องรู้จักคำว่า Conversion Rate (CR) ก่อน ซึ่งก็คือเปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้ามาเว็บคุณแล้วซื้อของ ถ้าคุณตั้งร้านขายของออนไลน์มาได้สักระยะแล้ว คุณดูค่านี้ได้เลยในซอฟต์แวร์ Shopping Cart ที่คุณใช้บริการอยู่ เช่น WooCommerce, Shopify เป็นต้น
แต่ในกรณีที่เว็บคุณทำเว็บใหม่ เพิ่งเริ่มขายของออนไลน์ ให้ใช้ค่าเฉลี่ยของธุรกิจ eCommerce ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 1% – 5% ในกรณีตัวอย่างนี้ผมเลือกค่ากลางๆ คือ 2% มาคำนวณ เราสามารถหาจำนวนคนที่คุณต้องนำพามาเข้าเว็บได้ โดยการนำเอาจำนวนเสื้อที่ต้องการขายต่อเดือนมาหารด้วย CR ดังนี้
✍️ ก็จะได้จำนวนคนที่คุณต้องนำพามาเข้าเว็บเป็นจำนวน อย่างน้อย 10,000 คน ต่อเดือน เพื่อที่จะขายเสื้อได้ 200 ตัว และทำยอดได้ 40,000 บาท
ต้องดันคีย์เวิร์ดกี่คำ ถึงจะได้ยอดที่คุณตั้งเป้าไว้?
ถึงตรงนี้ขั้นตอนต่อไปคือ การรวบรวมคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมาจำนวนหนึ่ง ในตัวอย่างนี้ผมใช้ Google Keyword Planner
Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่ใช้หาคีย์เวิร์ด ที่ Google เขาสร้างมาไว้ให้นักโฆษณาใช้ได้ฟรีๆ เราทำ SEO ก็ใช้ได้ครับ แต่อาจจะมีข้อจำกัดบ้างนิดหน่อย ตรงที่ตัวเลขปริมาณการค้นหาจะถูกระบุเป็นช่วง เช่น 10-100, 100-200 เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องวิตกไป เพราะว่าไม่มีเครื่องมือหาคีย์เวิร์ดไหนถูกต้องเป๊ะ 100% อยู่แล้ว แม้แต่ของ Google เองก็ตาม เราทุกคนล้วนแล้วแต่ใช้ค่าประมาณการกันทั้งนั้น..
ตารางด้านล่างแสดงคีย์เวิร์ดที่ผมรวบรวมมาได้ทั้งหมด 7 คำ ปริมาณการค้นหารวม 43,300 ครั้งต่อเดือน
คีย์เวิร์ด | ค้นหารายเดือน | CTR อับดับที่ 2 | คลิก |
---|---|---|---|
เสื้อ ยืด | 18100 | 24.71% | 4472.51 |
เสื้อ ยืด สี ขาว | 8100 | 24.71% | 2001.51 |
เสื้อ ยืด ราคา ส่ง | 6600 | 24.71% | 1630.86 |
เสื้อ ยืด แขน ยาว | 4400 | 24.71% | 1087.24 |
เสื้อ ยืด ผู้ชาย | 1900 | 24.71% | 469.49 |
เสื้อ ยืด คอกลม | 1600 | 24.71% | 395.36 |
เสื้อ ยืด สวย ๆ | 1300 | 24.71% | 321.23 |
เสื้อ ยืด แขน ยาว ผู้ชาย | 1300 | 24.71% | 321.23 |
เราได้เรียนรู้แล้วว่า การติดหน้าแรกของ Google เป็นเพียงหลักชัยแรกเท่านั้น ดังนั้นผมจึงตั้งเป้าประสงค์สูงสุดไว้ที่ Top2 เป็นอย่างน้อย จึงได้นำ CTR ที่ 24.71% มาคำนวณ จะได้จำนวนคนที่เข้าเว็บคุณอยู่ที่ 10699.43 คน ต่อเดือนโดยประมาณ จาก 7 คีย์เวิร์ด ซึ่งตอบโจทย์ที่ได้ตั้งไว้
ถึงตรงนี้เราสามารถสรุปรวบยอด Project การทำ SEO สำหรับร้านขายเสื้อของคุณได้ว่า..
ถ้าคุณต้องการทำยอดเพิ่มขึ้นอีก 40,000 บาท (กำไร 50% เท่ากับ 20,000) ต่อเดือน
- ถ้าคุณต้องการทำยอดเพิ่มขึ้นอีก 40,000 บาท (กำไร 50% เท่ากับ 20,000) ต่อเดือน
- จากการดัน 7 คีย์เวิร์ด ให้ขึ้นไป ติดอันดับ 2 ของ Google
- และคุณต้องควบคุมค่าใช้จ่ายให้ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท
ถ้าอันดับใน Google ไม่ได้อย่างที่คิดล่ะ?
ในกรณีที่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแผน อาทิ คีย์เวิร์ดทีควรจะไปยืนอยู่ที่ Top2 แต่กลับได้แค่อันดับที่ 5 โดยเฉลี่ย ซึ่งมีอัตราการคลิก (CTR) แค่ 9.51% เท่านั้น ส่งผลให้มีคนมาเข้าร้านลดลงเหลือเพียง 4,118 คน ขายเสื้อได้แค่ 82 ตัว ยอดขายเหลือ 16,400 บาท
ถ้าชัวร์ 100% ว่า SEO ที่ได้ทำไปถูกต้องในทุกกระบวนท่า ก็ขอให้ใจเย็นๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำต่อไป อีก 2-3 เดือน แล้วค่อยมาประเมินกันอีกที ในระหว่างนั้นก็ทำสิ่งนี้ควบคู่กันไป
- ลดตุ้นทุนการผลิด: ตอนนี้ค่าผลิตเสื้อต่อตัวของคุณอยู่ที่ 50 บาท ถ้าคุณสามารถทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงตัวละ 10 บาท (ยกตัวอย่าง) เมื่อคุณสั่งตัด 200 ตัว จะทำให้คุณมีเงินเหลือเก็บ 2,000 บาท ต่อเดือน
- หาทางเพิ่ม Conversion Rate (CR): แทนที่จะมีคนซื้อแค่ 2 คน จาก 100 คน ที่เข้าเว็บมา ก็หาทางเพิ่มเป็น ยกตัวอย่าง 5 คน
จะเห็นว่า ถึงแม้คนเข้าเว็บจะลดลงกึ่งหนึ่งจากแผน แต่คุณก็ยังสามารถทำยอดได้ตามเป้าคือ 205 ตัว ต่อเดือน หลัวจากปรับปรุงเว็บไซต์จนสามารถเพิ่ม CR ได้เป็น 5%
ก่อนจบบทความนี้ขอแนะนำสั้นๆ
เนื่องจากการทำ Search Engine Optimization กว่าจะเห็นผล ใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นไม่ว่าคุณจะขายอะไร Online ก่อนจะลงมือ ลงทุน ลงแรง ลงเวลา เป็นเรื่องเป็นราว
ขอให้คำนวณต้นทุนอย่างละเอียด ดังแสดงในบทความนี้ก่อนครับ จะได้ประเมินเบื้องต้นได้ว่าจะคุ้มหรือไม่คุ้มในการทำ